คุยเรื่องหนังกับเด็กวรรณกรรมสำหรับเด็ก บทสัมภาษณ์พิเศษ! จากเพื่อนของฉันเองค่ะ
- DOMINIQUE
- Oct 17, 2021
- 1 min read

เมื่อวันก่อนฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับ 'ษา ลักษณา' เจ้าของนามปากกา '21' เพื่อนร่วมรุ่นเอกวรรณกรรมสำหรับเด็กของฉันเองค่ะ เราพูดคุยเกี่ยวกับหนังภาพยนตร์ล่ะค่ะ เห็นเป็นโอกาสดที่จะได้เเบ่งปันมุมมองจากเด็กเอกวรรณกรรมสำหรับเด็กคนหนึ่ง ก็เลยเกิดเป็นบล็อกสัมภาษณ์พิเศษนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ!
ษาไม่ได้เป็นคนชอบดูหนังภาพยนตร์มากเท่าไร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดูเลย เมื่อตอนที่เรียนอยู่ปี 3 ได้ทำสัมมนาเกี่ยวกับภาพยนตร์ Coming of Age เลยพอจะพูดคุยเรื่องนี้ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
คำถามยอดฮิตเวลาที่เราถามคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องหนัง ก็จะไม่พ้นคำถามที่ว่า 'มีหนังภาพยนตร์เรื่องโปรดบ้างไหม' แน่นอนว่าฉันก็ถามษาเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้ใครหลาย ๆ คนอาจจะเคยดูแล้วก็ชอบเหมือนกัน Flipped (2010) หนังรักหวานละมุน เกี่ยวกับรักแรกของเด็กหญิงจูลี่ที่เริ่มต้นเพียงแค่ความประทับใจจากแววตาของเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างเด็กชายไบรซ์ ษาชอบเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่ดูเข้าใจง่าย สบายอารมณ์ เหมาะที่จะดูผ่อนคลายความเครียด ในวันที่เหนื่อยล้า ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนยังไม่เคยดูก็ลองไปหาดูได้ค่ะ ษาบอกว่ารับรองเรื่องความสนุก อบอุ่นหัวใจแน่นอน!
Flipped (2010)

ษาไม่มีหนังแนวไหนที่ชอบเป็นพิเศษ เธอชอบเลือกดูตามความสนใจค่ะ เช่นถ้าเรื่องไหนมีนักแสดงคนโปรดของเธอก็จะสนใจอยากดูเป็นพิเศษ หรือเรื่องที่มีพล็อตน่าสนใจ แปลกใหม่ ก็จะเลือกมาดูเช่นกัน แต่จากที่ษาสังเกตตัวเองแล้วส่วนใหญ่เธอจะชอบเลือกหนังเกี่ยวกับ High school ฝั่งตะวันตกมาดูเป็นส่วนใหญ่ เพราะสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกับพวกเราที่เป็นคนเอเชียเลยรู้สึกว่าได้เปิดมุมมองสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่ได้เห็นในบ้านเรา ทุกครั้งที่ดูเลยรู้สึกตื่นตาตื่นใจ และชอบกลิ่นนมกลิ่นเนยในหนังฝั่งตะวันตกเลยทำให้ชอบเป็นพิเศษล่ะค่ะ
ถึงแม้จะบอกว่าไม่จำกัดประเภทหนังที่ดูอย่างนั้น แต่หนังที่ษาเลือกมาดูจะต้องจบดีเท่านั้นค่ะ จบดีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงจบดีตามรูปแบบที่ันควรจะเป็นตามหนัง แต่หมายถึงจบดีที่ตัวละครได้ใช้ชีวิตอยู่คู่กันอย่างมีความสุข ษาให้เหตุผลว่า "ถ้าเป็นหนังรักแต่จบไม่ดี สิ่งที่พยายามมาตลอดทั้งเรื่องก็ไม่มีความหมายสิ"
เพราะเหตุผลนี้นี่เองค่ะ ษาเลยได้ตอบมาอีกว่าแนวหนังภาพยนตร์ที่จะไม่กลับไปดูอีก (ถ้าไม่จำเป็น) ก็คือแนวที่ตรงข้ามกับตอนจบดีนั่นเอง หนังที่จบไม่ดี แนวไม่สมหวัง หรือต่อให้ตอนจบตัวละครจะรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ขอไม่ดูดีกว่า "ไม่ใช่ว่าหนังแนวจบไม่ดีมันไม่ดี แต่มันแค่ไม่ถูกจริตเรา" นอกจากนี้ษายังบอกอีกว่า "บางครั้งการดูหนังก็ไม่จำเป็นต้องดูเอาเรื่องมาคิด วิเคราะห์ มาปรับใช้หรือหาปรัชญาจากมันเหมือนที่เราเรียนกันก็ได้ ดูให้สนุก ปล่อยให้เพลิดเพลินไปบ้าง" เพราะการดูหนังคือการได้พักผ่อน ดังนั้นก็ขอเลือกเรื่องที่มันดีต่อใจดูจะดีกว่า
ถึงษาจะเลือกหนังดูตามใจชอบของตัวเองแล้วก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยดูเรื่องที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะดูนะคะ ษาเล่าว่าเคยได้ดูหนังภาพยนตร์เรื่องหนึ่งแบบเลี่ยงไม่ได้ (เพราะเรียน) แล้วดันสนุก ถูกใจซะงั้น! COCO(2017) เป็นเรื่องที่ษาไม่ได้คิดจะดูเลย เพราะไม่ค่อยชอบดูแอนิเมชันเท่าไร แต่พอได้ดูแล้วกลับรู้สึกชอบอย่างผิดคาด เธอชอบทั้งการดำเนินเรื่อง เพลงประกอบ เทคนิคที่ใช้ในการสร้างหนังเลย ษาคิดว่าบางทีการลองดูหนังที่ตัวเองไม่ได้สนใจก็อาจทำให้เรามองเห็นความสนุกใหม่ ๆ จากมันก็ได้ การได้ดูหนังเรื่องนี้ช่วยให้ษาได้เปิดใจยอมรับหนังรูปแบบอื่นมากขึ้นเลยล่ะค่ะ ถ้าใครก็เป็นเหมือนกันก็อยากให้ลองเปิดใจดูบ้าง คุณอาจจะชอบมันก็ได้!
COCO (2017)

พอพูดถึงเทคนิดพิเศษ หรือการสร้างหนังที่แปลกใหม่แล้ว ทำให้ษานึกได้ถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูแล้วรู้สึกว่าผู้กำกับเจ๋งเอามาก ๆ เลย ก็คือเรื่อง boyhood หนัง Coming of Age ที่ใช้ตัวละครคนเดิมแสดงตั้งแต่เด็กจนโต ใช้เวลาถ่ายถึง 12 ปีเพื่อทำออกมาเป็นภาพยนตร์ เป็นการถ่ายทำชีวิตของตัวละครที่เหมือนมีอยู่จริง ๆ เลย มันทำให้คนดูอย่างเราเหมือนได้เฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนหนึ่งจริง ๆ สมจริงจริง ๆ นอกจากนี้ษายังชมอีกว่า "คิดว่าเออ เจ๋งดี เป็นการนำเสนอภาพยนตร์ที่โคตรลงทุน โคตรอดทนเพราะใช้เวลานานมาก"
Boyhood (2014)

เห็นพูดถึงหนังต่างชาติไปกันหลายเรื่องแล้ว ฉันเลยลองชวนษามาพูดถึงหนังของไทยกันบ้างดีกว่าว่าในฐานะที่เป็นเด็กเรียนวรรณกรรม เราคลุกคลีกับการสร้างสรรค์เรื่องราว สิ่งต่าง ๆ มากมายแล้ว คิดยังไงกับวงการภาพยนตร์ของประเทศไทย ษามีส่วนที่ชอบไหม และมีอะไรที่คิดว่าวงการนี้ของไทยควรปรับปรุงบ้างหรือเปล่า ษาตอบอย่างจริงใจว่า "อยากเห็นหนังที่มีคุณภาพ ที่ชี้นำสังคม โชว์เทคโนโลยี ให้คนในประเทศดูแล้วว้าวบ้างจัง เพราะว่าหนังไทยไม่เคยมีแนวนี้มาก่อนเลย ส่วนใหญ่หนังไทยทำดีเกี่ยวกับความเชื่อ ผี ไสยศาสตร์ หรือสะท้อนสังคมซะส่วนใหญ่ คนไทยขายหนังตามความต้องการของคนมากกว่าการทำหนังที่อยากให้คนในสังคมได้ดูจริง ๆ ถ้าเรามีหนังดี ๆ ชี้นำสังคมให้ดีขึ้น ให้คนไทยได้ตกตะกอนสักหน่อยและรู้สึกสนุกไปพร้อมกันด้วยระหว่างที่ดูก็คงดี"
หลังจากที่ถามไปว่าษาอยากให้ประเทศไทยของเรามีหนังภาพยนตร์แนวไหนผลิตออกมาบ้างนั้น ก็เลยได้คำอธิบายที่เหมาะกับคำถามข้อสุดท้ายมาด้วยล่ะค่ะว่าถ้าษาได้เป็นคนสร้างภาพยนตร์เอง เธออยากจะสร้างแนวไหน ษาบอกว่า "ถ้าเป็นไปได้อยากสร้างแนวพวกไซไฟ พวกอเวนเจอร์ส ไม่รู้มันเรียกแนวยังไง ที่ใช้พวกซีจี ทำซีจีที่มีคุณภาพ ประเทศเรามีสายผลิต โปรดักชั่นดี ๆ เยอะมาก คงจะได้โชว์ฝีมือกันว่าไทยเราก็เจ๋งเหมือนกัน แล้วคิดว่าหนังแนวนี้มันได้ทั้งความสนุก ตื่นตาตื่นใจ ความว้าว แล้วมันก็น่าจะได้สาระในตัวของมันเองด้วย เพราะเค้าอยากสร้างเพื่อโชว์ศักยภาพให้คนอื่นเห็นก่อน เป็นบรรทัดฐานให้หนังในประเทศไทย แล้วทีนี้ก็เชื่อว่ามันจะเป็นแนวทางให้ทำหนังเรื่องใหม่ๆ ให้ออกมาดีได้ ไม่ว่าจะแนวไหน ๆ"
และนี่คือมุมมอง ความชอบเรื่องหนังของเด็กเอกวรรณกรรมคนหนึ่งที่ชื่อ 'ษา' นั่นเองค่ะ พอได้พูดคุยเรื่องหนังกับเพื่อนแล้วก็ได้เห็นมุมมองเกี่ยวกับการดูหนังของเพื่อน เเละได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ สำหรับฉันด้วยเหมือนกัน การดูหนังนอกจากจะได้ข้อคิดจากหนังแล้วก็ขอให้ดูด้วยความสนุก ได้พักผ่อนและจินตนาการไปกับหนังนะคะ ฉันหวังว่าการพูดคุยกับษาในครั้งนี้ของฉันจะทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านได้มุมมองความคิดอะไรกับไปบ้าง ครั้งหน้าฉันจะมาเขียนอะไรอีกก็ฝากติดามกันด้วยนะคะ
<3
ไว้เจอกันใหม่นะคะ

เยี่ยมชมเว็บไซต์ของษา !
เชิญคลิกที่รูปค่ะ
21
Comments